จากการที่ LINE MAN Wongnai ประกาศระดมทุนรอบซีรีส์บีได้อีก 9,700 ล้านบาท ทำให้กลายเป็นยูนิคอร์น ขึ้นแท่นเป็นเทคสตาร์ทอัพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแล้ว
คำถามที่อาจค้างคาในใจใครหลายคนคือ LINE MAN Wongnai จะทำอะไรใหม่ต่อจากนี้ เพราะในตลาด Food Delivery ยังไม่มีใครเป็นผู้ชนะที่สามารถทำกำไรได้ แล้วเป้าหมาย IPO จะยังคงมีอยู่ไหม
TODAY Bizview พาไปคุยเจาะลึก เคลียร์ทุกข้อสงสัย กับ คุณยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN Wongnai
[ ความสามารถทำกำไรชัดเจน นักลงทุนมองเห็น ]
ในตลาด Food Delivery มีลักษณะร่วมกันอย่างหนึ่งคือเผาเงินเพื่อดึงยอดผู้ใช้งาน ซึ่งทำให้การทำกำไรเป็นไปได้ยาก
ในประเด็นนี้ คุณยอดมองว่า LINE MAN Wongnai มีความสามารถการทำกำไรหรือ Path to Profitability ชัดเจน ซึ่งนักลงทุนมองเห็น นอกจากนี้ เราพยายามทำกำไรไปพร้อมๆ กับการเพิ่มคนอยู่แล้ว เทรนด์การปลดคนในช่วงเศรษฐกิจซบเซานี้จึงไม่กระทบบริษัท
และการที่ GIC, LINE และนักลงทุนคนอื่นๆ เข้ามาลงทุนกับเราก็เป็นข้อพิสูจน์แล้วถึงเรื่องความสามารถการทำกำไร
ตัวเลขรายได้ แม้คุณยอด จะยังบอกชัดเจนไม่ได้ว่าเท่าไร และเมื่อไรถึงจะทำกำไร แต่ตัวเลขดีขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบปีต่อปี และดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกเดือน ซึ่งธุรกิจขาที่สองและสามคือ โซลูชั่นร้านอาหารกับกลุ่มธุรกิจเสริมมูลค่า โฆษณา จะเป็นตัวช่วยให้มีกำไรได้มากกว่าธุรกิจแรกอย่าง Food Delivery
ส่วนเงินระดมทุนนั้น จะเน้นลงทุนเรื่องคนเป็นหลัก โดยเฉพาะ วิศวกร นักพัฒนาซอฟต์แวร์ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เพราะต้องทำแพลตฟอร์มให้ทัดเทียมกับแพลตฟอร์มต่างชาติ
[ เป็นซูเปอร์แอปแล้วหรือยัง ]
ปัจจุบัน LINE MAN Wongnai มีแอป LINE MAN ที่คนรู้จักกันเป็นหลัก ครอบคลุมการส่งอาหาร สินค้า เมสเซนเจอร์ และแท็กซี่ และยังมี กลุ่มโซลูชันสำหรับร้านค้าและร้านอาหาร ซึ่งเป็นบริการแยกสำหรับร้านอาหาร
แต่คุณยอด ก็ไม่ได้คิดว่า LINE MAN เป็นซูเปอร์แอป ส่วนตัวมองว่าเป็นเพียงวาทะ ซึ่งสิ่งที่เราอยากนิยามคือเป็น National Champion มากกว่า เพราะเราเน้นธุรกิจในประเทศ นอกจากนี้ในกลุ่มธุรกิจโซลูชันสำหรับร้านค้าและร้านอาหาร LINE MAN Wongnai ครองตลาด POS ใหญ่ที่สุด และมีร้านอาหารมากที่สุด และการที่มีบริการร่วมกับ LINE ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนเลือกลงทุนในครั้งนี้
[ แผน IPO ]
IPO เป็น plan A ของบริษัทมาตั้งนานแล้ว แต่ต้องดูบรรยากาศทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่คนเลี่ยงจะเข้าตลาดหุ้นอยู่แล้ว
ส่วนไทม์ไลน์ IPO ยังไม่กล้าให้สัญญาว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร แต่เป้าหมายใหญ่ อยากเป็นบิรษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในไทย และอยากเป็นส่วนหนึ่งใน SET 50 และเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทอื่นๆ